เทคนิคการเรียนการสอนภาษาไทย
เทคนิคการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยให้สนุก
เรียนรู้ภาษาไทยให้สนุก…
ฝึกคำกับสระ เมื่อเช้าเก็บมะเขือ ลงใส่เรือเตรียมไปขาย เรือนี้นั่งสบาย เรือเมื่อพายไปคล่องดี วันนี้ใส่เสื้อสวย แล้วรีบฉวยเสื่อม้วนนี้ ลงเรือในทันที ช่างโชคดีที่ลงเรือ
ภาษาไทยนอกจากเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางวัฒนธรรมของชาติแล้วยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและแสวงหาความรู้ตลอดชีวิต แต่ปัจจุบันยังพบปัญหาเกี่ยวกับการอ่านการเขียนของเด็กระดับประถมศึกษา คือ อ่านไม่คล่อง เขียนไม่คล่อง ที่ร้ายแรงกว่านั้นเด็กไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเด็กไม่สนุกต่อการเรียนรู้ มีความทุกข์เมื่อถึงเวลาเรียนเพราะรู้สึกว่าภาษาไทยเป็นเรื่องที่ยากต่อการเรียน ดังนั้น จึงได้จัดทำเอกสารเรียนรู้ภาษาไทยให้สนุก ระดับประถมศึกษาขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการฝึกหลากหลายวิธี แบบเล่นปนเรียน ซึ่งเด็กระดับประถมศึกษายังชอบการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้จังหวะ เสียงเพลง เป็นส่วนหนึ่งที่เด็กจะเกิดความสุขในการเรียน ผู้เรียบเรียงเอกสารได้นำมาใช้สอดแทรกในการฝึกอันจะทำให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้น
8 ขั้นตอนสอนภาษาไทยให้สนุก
บันได 8 ขั้น จะเริ่มจาก "การปลุกเร้ากระบวนการคิด" โดยใช้คำถามนำให้เด็กเกิดความสนใจ และ "ชี้ให้เห็นความสำคัญ" ของเนื้อหาที่จะเรียนว่าสำคัญต่อชีวิตอย่างไร เช่น การเรียนบทประพันธ์นั้น จะนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตได้อย่างไร และปล่อยให้เด็กๆ คิดตามถึงคุณประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เห็นความสำคัญ และอยากที่จะเรียน
"หลากหลายแบบฝึกหัด" เป็นภาคปฏิบัติที่จะให้เด็กเริ่มแต่งกลอนแปด และจะย้ำให้ได้ฝึกทักษะซ้ำๆ พร้อมกับเสริมแรงกระตุ้นด้วยการให้รางวัลต่างๆ ในการฝึกทักษะนี้ครูต้องพิจารณาให้งานตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน ถ้าคนไหนแต่งกลอนแปดไม่ได้ ให้แต่งกาพย์ยานี หรือกลอนสี่ จะคิดเสมอว่าอย่าบังคับให้เด็กต้องตามทันเพื่อนคนอื่น และอย่าคาดหวังว่าเด็กจะทำตามเป้าหมายเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้นเป้าหมายจึงต้องเปลี่ยนไปตามความพร้อมและความสามารถของเด็กแต่ละคน
"ฉายความชำนาญ" เป็นการให้นักเรียนสร้างชิ้นงานที่ใหญ่ขึ้น เช่น แต่งบทประพันธ์ คำกลอนและรวบรวมให้เป็นหนังสือ นิทาน คำขวัญเมืองสุพรรณ โดยบูรณาการวิชาศิลปะ งานประดิษฐ์ให้ออกเป็นมาในรูปแฟ้มสะสมผลงานตามด้วย "นำเสนองานที่สร้างสรรค์" ให้เด็กๆ อธิบายกระบวนการจัดทำได้ออกมาเป็นผลงาน เมื่อเรียบร้อยจึงเข้าสู่”ขั้นตอนการประเมิน”ซึ่งต้องประเมินอย่างรอบด้าน ทั้งการประเมินตนเอง การประเมินจากกลุ่มเพื่อน และรับผลประเมินจากครู สุดท้ายก็รวบร่วมผลงานนักเรียนทุกคนออกแสดง ในรูปของนิทรรศการต่างๆ
“ระหว่างสอนควรสร้างบรรยากาศในห้องเรียน ครูต้องทำตัวให้ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด ที่สำคัญไม่เลือกปฏิบัติ และให้ความเสมอภาคกับทุกคน สำหรับเทคนิคดีๆ ที่ใช้ได้ผล ว่า ครูจะไม่เอาบทเรียนเป็นตัวตั้งในการสอน แต่ใช้เด็กเป็นจุดศูนย์กลาง และดึงความรู้มาเกี่ยวพันกับชีวิตเด็กให้ได้ เคล็ดลับสำคัญคือ อย่าเอาการบ้านมาทำลายบรรยากาศในการเรียน และไม่จำเป็นต้องจ้ำจี้จ้ำไช ให้เด็กต้องส่งการบ้านทุกวัน เพราะจะทำให้เด็กเครียดจนไม่อยากมาเรียน ทั้งนี้คิดเสมอว่า เราสอนคนไม่ใช่สอนความรู้ ถ้าครูมุ่งสอนแต่เนื้อหาเด็กอาจจะไม่อยากเรียนได้ ครูจึงควรรู้ว่าเจตนารมณ์และเป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษาคือการให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข
วิธีการสอนภาษาไทยอย่างไรไม่ให้เบื่อ
ต้องถามตัวเองก่อนครับว่าเบื่อที่จะสอนหรือเปล่า สอนด้วยใจหรือสอนตามหน้าที่
ถ้าสอนด้วยใจก็จะเข้าใจว่าควรทำอย่างไร เด็กแต่ละรุ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีการสอนที่เหมือนกันอาจทำให้เด็กกลุ่มหนึ่งสนใจสนุกสนาน แต่เด็กอีกกลุ่มอาจเบื่อได้ การสอนที่ทำให้เด็กไม่เบื่อจึงไม่ใช่การสอนที่มีวิธีตายตัว หากแต่อยู่ที่การปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเด็กที่สอน มีกิจกรรมให้เด็กผ่อนคลายบ้างเป็นครั้งคราว
และเน้นให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆอย่างสมัครใจ ไม่ใช่เป็นการบังคับด้วยการให้คะแนนควรเอาเกณฑ์การให้คะแนนเป็นตัวเสริม อย่ามองที่ผลงานเกินไป แต่ให้มองที่วิธีการค้นคว้าหาข้อมูลของเด็กและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของเด็กมากกว่า เพราะธรรมดาเด็กย่อมต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนดังนั้นการให้เด็กมีโอกาสแสดงความคิดเห็น หรือความสามารถที่ตนเองถนัด โดยแฝงไว้ด้วยเนื้อหาทางวิชาการ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีในการสอนทีจะดึงความสนใจจากเด็กได้และจะทำให้การสอนน่าเบื่อน้อยลง
อีกประการที่สำคัญคือ หากผู้สอนเบื่อเสียเองและสอนแบบเสียไม่ได้ สอนโดยคิดว่าการสอนเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำ การสอนในชั่วโมงนั้นก็จะดูน่าเบื่อ